fbpx

พร้อมส่งผิวสวยแล้ว..วันนี้

คนท้องใช้ครีมอะไรได้บ้าง EVE’S มาบอกต่อจ้า อาการที่คนท้องต้องเจอ ก่อนจะเป็นคุณแม่ แพ้ท้อง อาการตั้งครรภ์ระยะแรก

แชร์หน้านี้

คนท้องใช้ครีมอะไรได้บ้าง EVE’S มาบอกต่อจ้า อาการที่คนท้องต้องเจอ ก่อนจะเป็นคุณแม่ แพ้ท้อง อาการตั้งครรภ์ระยะแรก

แชร์หน้านี้

EVE’S (อีฟส์)
มาบอกข้อสังเกตุ “อาการคนท้อง” ว่านี่แหละ “ตั้งครรภ์”

ใครเริ่มมีอาการ มาเช็คกันได้เล๊ยย

ช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
ช่วงนี้ส่วนใหญ่คุณแม่บางคนอาจไม่รู้สึกอะไรแม้กระทั่งการใช้ชุดตรวจครรภ์ อาจจะยังไม่สามารถตรวจพบได้
เนื่องจากฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotrophin (HCG) ยังอยู่ในระดับต่ำ

แต่ อาการคนท้อง 1 สัปดาห์ ก็ยังพอจะมีให้สังเกตได้อยู่บ้าง ดังนี้… 

 1. ประจำเดือนขาด

โดยปกติ หนึ่งรอบเดือนมีระยะเวลา 21-35 วัน แต่หากประจำเดือนขาดไปนานกว่า 10 วัน
ก็อาจแสดงว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากเมื่อมีการปฏิสนธิร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมากขึ้น
เพื่อยับยั้งการลอกของผนักมดลูก และส่งเสริมการฝังตัวของตัวอ่อน
แต่การที่ประจำเดือนขาดนั้นไม่ได้เป็นการยืนยันแน่นอนว่าตั้งครรภ์แล้ว
อาจมีสาเหตุมาจากอย่างอื่น เช่น ความเครียด ขาดอาหาร การใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งมีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้

 2. มีตกขาวผิดปกติ

เมื่อมีการตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้มีตกขาวมากขึ้น
ลักษณะของตกขาวปกติจะเป็นมูกใส หรือมีสีขาวขุ่น
แต่หากมีสีผิดปกติไป เช่น สีเขียว เหลือง หรือมีอาการคันร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจบ่งถึงว่าเกิดการติดเชื้อ
และที่สำคัญ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์เพื่อสุขอนามัยที่ดี และป้องกันการติดเชื้อต่างๆ 3. มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด

ในช่วง 11-12 วันหลังจากมีการปฏิสนธิ ตัวอ่อนมีการฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดสีแดงจางไหลออกมาได้
ปกติจะมีปริมาณไม่มาก และจะหยุดไหลไปเองใน 1-2 วัน แต่หากมีเลือดไหลไม่หยุด ร่วมกับอาการปวดเกร็งท้อง
ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากการแท้งหรือท้องนอกมดลูกได้

 4. เต้านมมีการเปลี่ยนแปลง

เนื่องจากในช่วงเริ่มตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนจากรกและรังไข่ผลิตเพิ่มมากขึ้น
ทำให้หัวนมและลานนมมีสีเข้มหรือคล้ำขึ้น เต้านมมีการขยายขนาด รวมถึงมีอาการเจ็บตึงร่วมได้

 5. ปัสสาวะบ่อย

อาการคนท้อง 1 สัปดาห์หรือมากกว่านั้นคือเริ่มมีระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้น
มดลูกจึงขยายขนาดจนเกิดการกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น 6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ

เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้ย่อยอาหารได้ไม่ดี
มีแก๊สในกระเพาะอาหาร และอาจเกิดท้องผูกร่วมด้วย ดังนั้นคุณแม่ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย
ควรรับประทานครั้งละน้อยๆ แต่รับประทานให้บ่อยขึ้นและควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
เช่น ผักใบเขียว นม ไข่ หลีกเลี่ยงอาหารย่อยยาก อาหารมัน หรืออาหารที่เกิดแก๊สได้ง่าย เช่น น้ำอัดลม เป็นต้น

 7. มีอาการแพ้ท้อง

เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ไวต่อกลิ่น สิ่งเหล่านี้เป็นอาการคนท้อง 1 สัปดาห์ถึงช่วงสัปดาห์แรกๆ
อาจมีการรับกลิ่นและรสอาหารเปลี่ยนแปลงไป บางคนอาจอยากรับประทานอาหารรสเปรี้ยว
หรืออยากอาหารที่แปลกไปจากเดิม นอกจากนี้อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ หน้ามืด
แต่อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับหญิงตั้งครรภ์ทุกราย บางรายอาจไม่มีอาการเลย
ซึ่งอาการแพ้ท้องนี้สัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนที่สร้างมาจากรกคือ Human Chorionic Gonadotrophin ( HCG )
ซึ่งจะมีระดับสูงถึงประมาณ 16 สัปดาห์ จึงเป็นสาเหตุให้คุณแม่ส่วนใหญ่มักแพ้ท้องในช่วงแรกๆของการตั้งครรภ์8. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย 

เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ซึ่งส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ความดันเลือด
และระบบไหลเวียนโลหิต จึงทำให้อ่อนเพลีย และเหนื่อยง่ายกว่าปกติ
จึงควรรับประทานอาหารจำพวกโปรตีนและอาหารที่มีธาตุเหล็ก จะช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียจากการตั้งครรภ์ได้ 9. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย

เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้อารมณ์ของหญิงตั้งครรภ์จะขึ้นๆ ลงๆ
ซึ่งเป็นอาการปกติของหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะในช่วงเริ่มตั้งครรภ์
คุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ และคนรอบข้างจึงควรเข้าใจอาการต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตลอดการตั้งครรภ์

วางแผนตั้งครรภ์ดูแลครรภ์เตรียมตัวเพื่อป้องกันความกังวลตื่นเต้นและป้องกันการปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง

      การตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่สำคัญของผู้หญิง ไม่ใช่ว่าพอทราบว่าตั้งครรภ์แม่ค่อยจะเริ่มดูแลตัวเอง ซึ่งทำแบบนี้กันซะส่วนใหญ่และไม่ถูกต้องเอามากๆเลยนะคะเพราะแรกตั้งครรภ์ในช่วง 12 สัปดาห์  ทารกจะแบ่งเซลล์อวัยวะภายในที่ซับซ้อน หากขาดการบำรุงในช่วงนี้อาจทำให้เกิดความผิดปกติที่เรียกว่า spina bifida ซึ่งคือความไม่สมประกอบหลอดประสาทไม่ปิดสนิท ที่พบว่าเกิดขึ้นในระหว่างการพัฒนาของทารกในครรภ์ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ซึ่งป้องกันได้โดยการรับประทานกรดโฟลิกก่อนตั้งครรภ์ รับประทานอาหารที่มีโฟเลตเพื่อบำรุงร่างกายให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ 

การวางแผนก่อนตั้งครรภ์        ก็อย่างที่บอกการวางแผนก่อนตั้งครรภ์เป็นเรื่องสำคัญมากมากที่สุดจริงๆค่ะ
เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงเรามักไม่ทราบว่าตั้งครรภ์บางคนในขณะที่ตั้งครรภ์อาจจะรับประทานยารักษาโรคในขณะที่ไม่สบายหรือรับประทานวิตามินเสริมอาหาร สัมผัสกับเชื้อโรคและสารเคมีต่างๆจนทำให้ตัวอ่อนที่กำลังจะพัฒนาไปเป็นตัวทารกเกิดการแบ่งเซลล์ผิดปกติจนทำให้ทารกพิการ แขนขาผิดรูป หลอดประสาทไม่ปิด และอื่นๆอีกมากมาย แม่ขวัญขอสรุปการดูแลตัวเองแบบรวบตึงเลยนะคะ 

        1.เรื่องของการรับประทานอาหารสารอาหารที่มีประโยชน์อาหารหลัก 5 หมู่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ และอาหารที่ทานก็ไม่ควรเป็นอาหารที่มีไขมันสูง คุณแม่เองก็ไม่ควรปรุงอาหารรสจัดหรือเติมผงปรุงรสถ้าเกินไปนะคะ         2. คุณแม่ควรรับประทานวิตามินกรดโฟลิกวันละ 1 เม็ดหลังอาหารตอนเช้า เพื่อป้องกันความพิการของทารกเราอาจจะทราบว่าเรารับประทานอาหารมีประโยชน์มากมายและครบ 5 หมู่ทุกๆวันแต่เราไม่สามารถทราบได้ว่าเรารับประทานอาหารแต่ละอย่างได้ครบจริงๆฉะนั้นทางที่ดีคุณแม่ควรรับประทานกรดโฟลิกวันละ 1 เม็ดเป็นเวลา 3 ถึง 6 เดือนหรือมากกว่านี้ก่อนตั้งครรภ์นะคะ        3. อย่าลืมควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานไม่อ้วนไปหรือผอมไปจริงๆแล้วถ้าคุณแม่รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่งดของทอดไขมันสูงและไม่รับประทานอาหารปรุงรสจัดเกินไปก็ทำให้คุณแม่มีหุ่นและรูปร่างได้มาตรฐานแล้วล่ะค่ะ        4. คุณแม่ควรออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ  เล่นโยคะ หากคุณแม่ทำในข้อ 1-3 ได้ในข้อนี้คุณแม่ก็ทำได้ไม่ยาก        5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรค สารเคมีอันตรายหากทำงานที่มีความเสี่ยงก็ควรคุยกับหัวหน้างานเพื่อหลีกเลี่ยงในระยะวางแผนตั้งครรภ์และตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก หากมีอาการไม่สบายในช่วงวางแผนตั้งครรภ์นี้และต้องการรับประทานยาควรไปปรึกษาแพทย์และเภสัชกร ห้ามซื้อยารับประทานเองนะคะเพราะอันตรายมากๆ        6. หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์เพื่อการวางแผนปรับยาและวางแผนรักษาให้ถูกต้อง        7. หากมีโรคทางพันธุกรรม เช่น โรค hemophilia หรือที่เรียกว่าโรคเลือดไหลไม่หยุด โรคธาลัสซีเมีย ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์       8. คุณแม่ควรพักผ่อนให้เพียงพอควรนอนอย่างน้อย 6 ถึง 8 ชั่วโมงต่อวันนะคะ       9. คุณแม่ควรซื้อหนังสือเตรียมตั้งครรภ์มาอ่านค้นหาข้อมูลต่างๆให้มากพอเพื่อการดูแลตัวเองและลูกน้อยให้ถูกต้องและไม่เสี่ยงอันตรายจากสิ่งต่างๆ
     10. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สำหรัญคุณแม่ การดูแลผิวหน้า และผิวกาย ครีมทาหน้า หรือครีมบำรุงต่างๆในการป้องกัน
ครีมทาสำหรับคนท้อง EVE’S อีฟส์ นี่แหละค่ะ คนท้องใช้ได้ ปลอดภัยและอ่อนโยน ต่อคุณแม่และลูกในครรภ์อย่างแน่นอน

นท้อง หรือ ให้นมบุตร ใช้ครีมอะไรได้บ้าง ?
• ไม่ว่าจะ ปัญหา สิว ท้องแตกลาย ช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอดและ ให้นมลูก
คุณแม่ต้อง เลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสม ที่ปลอดภัยที่สุด

แชร์หน้านี้

0