บริษัท อีฟส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ชื่อดัง แบรนด์ EVE’S (อีฟส์) ประกาศ วิสัยทัศน์ “3 ต.” พร้อมมอบโอกาสและอนาคต ตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง
การเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนแรก “โฟกัส จีระกุล” ทำให้แบรนด์อีฟส์ยิ่งเป็นที่น่าจับตามองมากขึ้น ล่าสุด คุณณัฐพล คงสุวรรณ (คุณโน้ต) กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีฟส์ กรุ๊ป CEO แบรนด์ EVE’S (อีฟส์) ได้เปิดอกพูดคุยถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่พร้อมจะให้โอกาสแก่ทุกคนอย่างที่ทางแบรนด์อีฟส์ทำมาตลอด
โดยคุณโน้ตกล่าวว่า EVE’S เป็นแบรนด์ที่เกิดจากความตั้งใจของตน ที่อยากให้คนไทยได้ใช้สกินแคร์ที่ดีที่สุด มีคุณภาพที่สุด จึงได้เกิดเป็นแบรนด์นี้ขึ้นมา ยืนยันว่าตนได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของแบรนด์ด้วยตัวเอง ทีม CEO ของเราใช้จริงทุกคน แล้วรีวิวผลลัพธ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ตั้งแต่เริ่มแรกมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัยที่เราใช้ในมาตรฐานเดียวกันกับลูกค้า จึงยืนยันได้ว่า แบรนด์อีฟส์เป็นแบรนด์ไทย หัวใจไทย 100% แน่นอน ตั้งใจคิดค้นมาเพื่อผิวคนไทยโดยเฉพาะ ทั้งลงทุน ลงแรง ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและคิดค้นสูตรออกมาเองทุกอย่าง จนกลายมาเป็นสินค้าที่มีคุณภาพมากที่สุดตัวหนึ่ง ซึ่งตั้งแต่เริ่มออกวางขายก็ได้การตอบรับและการสนับสนุนที่ดีตลอดมา และอีฟส์เติบโตขึ้นมาด้วยการได้รับโอกาสจากลูกค้าทุกท่านที่วางใจในสินค้าของเรามาอย่างต่อเนื่อง ขยับขยายจนวันนี้แบรนด์อีฟส์มีตัวแทนทั่วประเทศไทย ก็พอที่จะบ่งบอกถึงความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปีของเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งพอดีกับปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ทางแบรนด์ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 9 อีฟส์จึงพร้อมแล้ว ที่จะเติบโตและก้าวไปอีกขั้นด้วยการให้ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นคือ การเลือกน้องโฟกัส ซึ่งเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์
ทุกอย่างที่อีฟส์ทำมาตลอด 9 ปี สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “3 ต.” ของทางแบรนด์ที่มุ่งมั่นจะตอบแทนและให้โอกาสแก่สังคมเสมอมา ประกอบไปด้วย
ต.1 ตอบแทนลูกค้า คือ การตั้งใจ ทุ่มเท และสร้างสรรค์สกินแคร์ทุกตัวอย่างดี มีคุณภาพ และปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าของแบรนด์อีฟส์ได้ใช้แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่ทางแบรนด์ตั้งใจมอบให้เสมอมา ด้วยสร้างโรงงานผลิตสกินแคร์ของเราเองที่ได้มาตรฐานระดับ Asean GMP เพื่อความมั่นใจว่าเราผลิตสกินแคร์ที่ดีที่สุดและมีคุณภาพเท่าเทียมกันเพื่อคนไทยทุกคน นอกจากนี้ตั้งแต่ตั้งโรงงานขึ้นมา เรายังมีการเพิ่มปริมาณสินค้ากว่า 50% โดยที่ยังขายในราคาเท่าเดิม เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจในแบรนด์อีฟส์เสมอมา
ต.2 ตอบแทนตัวแทน เพราะเรามองว่าตัวแทนทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน จึงให้การสนับสนุนและหยิบยื่นโอกาสดีๆให้ตัวแทนทุกคนเติบโตไปด้วยกันกับอีฟส์โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง เรามีทั้งการให้โบนัสเงินสด ทริปท่องเที่ยว การอบรมต่าง ๆ ให้กับตัวแทน นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำการตลาดอย่างแข็งขัน บวกกับเลือกพรีเซนเตอร์ ทำให้ตัวแทนจำหน่ายของอีฟส์มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น เรามั่นใจว่าอีฟส์จะเป็นรายได้หลักที่สามารถเปลี่ยนชีวิตตัวแทนทุกคนให้ดีขึ้นได้
ต.3 ตอบแทนสังคม ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนของแบรนด์อีฟส์ที่มีมาตลอด 9 ปี ในการสร้างอนาคตที่ดีให้ทุกคนในสังคม เพราะแบรนด์อีฟส์เกิดขึ้นได้จากการให้โอกาสและความไว้วางใจของผู้บริโภค เราจึงอยากมอบโอกาสที่เคยได้รับนั้นสู่คนที่กำลังขาดแคลนในขณะนี้เช่นกัน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางแบรนด์อีฟส์มีกิจกรรมตอบแทนคืนสู่สังคมเสมอ ซึ่งที่ชัดเจนและออกมาเป็นรูปธรรมก็คือการร่วมสร้างศูนย์การเรียนรู้แก่เด็ก และสร้างโรงเรียนให้เด็กในถิ่นทุรกันดารผ่านโครงการโรงเรียนของหนู และยังมีแผนที่จะสร้างโรงเรียนหลังที่ 2 เร็วๆนี้ นอกจากนี้ยังมีโปรเจคต่าง ๆ อีกมากมายในอนาคตที่จะช่วยเหลือสังคมไทย ด้วยความหวังให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า
คุณโน้ตกล่าวทิ้งท้ายว่า ทางแบรนด์มีความตั้งใจที่จะสานต่อเจตนารมย์ในการเป็นผู้ให้อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบแทนทุกคน ตอบแทนสังคมที่ให้โอกาสทางแบรนด์เราได้เติบโต ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี สร้างโอกาสให้ตัวแทน และคืนสิ่งดี ๆ สู่สังคม เพื่อให้คนไทยรุ่นต่อ ๆ ไปมีผิวที่ดีและอนาคตที่สดใสไปด้วยกัน
สำหรับแบรนด์อีฟส์ เป็นแบรนด์ของคนไทยที่ มีฐานโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง มีสินค้าเป็นที่รู้จักคือ เซรั่มรกม้า ซึ่งช่วยในการดูแลผิวหน้าให้กระจ่างใส ปรับผิวหย่อนคล้อยให้เต่งตึง และช่วยกระชับรูขุมขน รวมถึงลดรอยสิว ฝ้า กระ จึงทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และเนียนใสอยู่เสมอ นอกจากนี้แบรนด์อีฟส์ยังขึ้นชื่อเรื่องการใส่ใจตัวแทนและลูกค้าเป็นเลิศ วัดได้จากผลตอบรับที่ผ่านมาตลอด 9 ปีของแบรนด์ที่มียอดขายถล่มทลายโดยที่ไม่เคยใช้คนดังเป็นพรีเซนเตอร์มาก่อนเลย
และล่าสุดกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระแสและกำลังทำยอดขายพุ่งทะลุเป้าอยู่ในขณะนี้อย่าง ครีมเจลอีฟส์ สกินแคร์ตัวดังที่ได้โฟกัส จีระกุล มาเป็นพรีเซนเตอร์ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ คาดว่า การเปลี่ยนทิศทางลมในครั้งนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงแบรนด์ที่ต้องการสนับสนุนและให้โอกาสทุกคน
[ ที่มา : Marketing Oops! ]