fbpx

พร้อมส่งผิวสวยแล้ว..วันนี้

เตือนภัยร้ายสารอันตรายที่มาพร้อมเครื่องสำอาง

แชร์หน้านี้

เตือนภัยร้ายสารอันตรายที่มาพร้อมเครื่องสำอาง

แชร์หน้านี้

สาว ๆ ทุกคนรักสวยรักงาม พวกเธอจึงต้องมองหาผลิตภัณฑ์และแนวทางในการดูแลสุขภาพผิวพรรณที่ดีที่สุด แต่บางคนกลับชอบทางลัดที่จะทำให้สวยไวโดยไม่เฉลียวใจสักนิดที่จะตรวจสอบที่มาที่ไปหรือส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ใช้จนเกิดผลร้ายและอันตรายต่อร่างกายตัวเอง หนทางเดียวที่จะทำให้คุณรอดปลอดภัยจากสารอันตรายที่อยู่ในคราบเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ คือความรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสารอันตรายที่ต้องหลีกเลี่ยง

เรามาคุยกับ อีฟ-วลัยพรรณ รัศมี เจ้าของแบรนด์อีฟส์ กรุ๊ป และกูรูความงาม เพื่อไขข้อข้องใจให้สาวๆ ถึงปัญหาสุขภาพผิว รวมถึงเตือนภัยร้ายสารอันตรายที่มาพร้อมเครื่องสำอาง ซึ่งปัจจุบันมีส่วนผสมเพื่อเร่งผิวขาวที่ต้องระมัดระวังและหนีให้ไกล ได้แก่ ปรอท ไฮโดรควิโนน และสเตียรอยด์

สารปรอทเป็นโลหะหนักอาจทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง ได้ง่าย เช่น มีอาการร้อนแสบแดง อาจมีผดขึ้นเต็มหน้า แต่สำหรับ บางคนที่ไม่มีอาการระคายเคือง เมื่อใช้ไปนานๆ ผิวหน้าจะบางลง จึงไวต่อแสงแดด และทำให้ผิวหน้าคล้ำดำขึ้น อาจเกิดเป็นฝ้าถาวรไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ถึงจะหยุดใช้ครีมที่มีสารปรอทแล้วก็ตาม แต่ภายใน 2 สัปดาห์ จะพบว่าสิวเม็ดใหญ่ สิวอักเสบกลับรวมพลังกันผุดขึ้นทั่วใบหน้า หรือแม้จะเปลี่ยนครีมบำรุงตัวใหม่ อิทธิฤทธิ์ของมันก็ยังคงอยู่ โดยสิวใต้ผิวหนังจะค่อยๆ ขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ จนกว่าร่างกายจะขับสารปรอทนั้นออกไปได้

ไฮโดรควิโนน ปกติแล้วจะใช้ในการรักษาฝ้าเฉพาะบุคคลตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น แต่กลับมีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสนำสรรพคุณของมันมาเป็นจุดขายของครีมเร่งผิวขาว ด้วยการเพิ่มปริมาณและความเข้มข้น เมื่อใช้ติดต่อกันนานกว่า 6 เดือน ร่วมกับกรดวิตามินเอ ซึ่งมีผลทำให้ผิวขาวและรักษาฝ้า จึงส่งผลให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำหรือหน้าเทาได้ และหากหยุดใช้ครีมที่มีสารไฮโดรควิโนน ฝ้าที่ขึ้นบนใบหน้าอยู่แล้วก็จะดำหนาขึ้น และกลายเป็นฝ้าถาวร ต้องใช้เวลาในการรักษานาน และบางรายอาจรักษาไม่หายขาด

สเตียรอยด์ จะทำให้เกิดสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงทั่วใบหน้าหรือบางคนเรียกสิวผด เมื่อใช้ไปนานๆ ผิวหน้าก็จะบางลง จึงรับมลพิษและเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย กลายเป็นคนผิวแพ้ง่ายแบบมโนไปเอง ซึ่งความน่ากลัวของสเตียรอยด์อยู่ที่คนไข้ต้องใช้ยากินหรือฉีดก็ได้ แต่ต้องมีสารสเตียรอยด์เหมือนกันจึงจะเอาอยู่ กลายเป็นว่าเราจะติดสเตียรอยด์ตัวใหม่ได้อีก และที่แย่กว่านั้นคือ ต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ จึงจะหายขาดจากผลข้างเคียงของสเตียรอยด์

นอกจากการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความ น่าเชื่อถือแล้ว ยังจะต้องเป็นคนช่างสังเกต โดยสามารถพิสูจน์ได้ว่าสารอันตรายแต่ละตัวนั้นเป็นอย่างไร สารปรอทในครีม ให้สังเกตสี หากครีมนั้นมีสีครีมเข้มถึงอ่อนๆ และ ถ้ามองลักษณะเนื้อครีมแล้วเห็น เนื้อครีมไม่นวลเนียน บางส่วนเป็นเม็ดๆ ขึ้นมาให้เห็น ก็อาจตั้งข้อสังเกตได้ก่อนว่าน่าจะมีสารปรอทอยู่บ้าง เช่นเดียวกับไฮโดรควิโนน ซึ่งมีฤทธิ์ในการหยุดเมลานินใต้ผิวหนัง จึงทำให้ผิวขาวอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นสีเทาในที่สุด โดยสามารถสังเกตได้จากสี ซึ่งครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนจะมีสีครีมถึง สีน้ำตาลเข้มเกิดขึ้นบริเวณรอบขอบกระปุก แต่ถ้าต้องการพิสูจน์ให้ชัดเจนมากขึ้น ให้ตักครีมขึ้นมาเล็กน้อยแล้วนำผงซักฟอกละลายน้ำหยดลงไป หากสีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ให้สันนิษฐานได้เลยว่ามีสาร ไฮโดรควิโนนอย่างแน่นอน ส่วนสเตียรอยด์นั้น อาจจะสังเกตได้ยากสักหน่อย ต้องส่งตรวจและทดสอบในห้องแล็บจึงจะรู้ผลที่แน่ชัด แต่ถ้ารู้สึกหน้าขาวขึ้นทันทีที่ใช้ หรือสิวหายภายในชั่วข้ามคืน หรือลองนำครีมตัวนั้นมาทาใต้ท้องแขนแล้วนำเทปใสมาแปะไว้หนึ่งคืน เมื่อลอกเทปใสแล้วเห็นว่าบริเวณที่ทาครีมกลายเป็นด่างขาว ก็แสดงว่าในครีมนั้นมีสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสมอยู่

สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาผิวเพราะใช้ครีมผิดแล้วก็อย่าเพิ่งท้อใจ ทางแก้ไขอาการข้างเคียงที่เกิดจากสารอันตราย คือ เราต้องเข้าใจหลักการทำงานของผิว ซึ่งจะมีกระบวนการผลัดผิวทุกๆ 28 วัน และมีกลไกในการขับสารพิษอยู่แล้ว สิว ผดผื่น หรืออาการข้างเคียงอื่นๆ ย่อมเกิดขึ้นมากน้อยตามปริมาณสารอันตรายและระยะเวลาที่เราใช้ ยิ่งเป็นสารที่ซึมลึกสู่ผิวมากเท่าไร เซลล์ผิวที่ผลัดขึ้นใหม่ก็จะนำพามันออกมาปรากฏตัวด้วย

“ที่สำคัญเราต้องไม่เพิ่มเติมสารพิษเข้าไปอีก ด้วยการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ทันทีที่รู้สึกหรือเกิดผลข้างเคียงนั้น สิ่งที่ต้องทำถัดมา คืออดทนไว้ ใจเย็นๆ และปล่อยให้ใบหน้าของเราได้พักอย่างจริงจัง โดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ หรือเลือกการรักษาแบบผิดวิธี และไม่แต่งหน้าโดยเด็ดขาด พยายามรักษาความสะอาดของหน้าให้ถูกต้องด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีค่าเป็นกลาง (PH 5.5) หรือถ้าเป็นคนผิวมันอาจเลือกความเป็นด่างมากขึ้น (PH 4.5 – 5.5) และสำหรับคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอท มาก่อน ก็สามารถนำไข่ขาวมาพอกหน้าเพื่อช่วยดูดซับสารพิษ บ้าง หรือใช้เจลว่านหางจระเข้หรืออโลเวร่าเพื่อช่วยทำให้ใบหน้า ชุ่มชื้นทดแทนการทาครีมได้ และอาจใช้สารละลายสิวเพื่อเข้าไปฆ่าเชื้อโรคสิวที่ผุดขึ้นมาได้บ้าง ทั้งนี้ตลอดการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อไม่มีผลร้ายย้อนกลับมาทำร้ายเราได้อีก”

ท้ายสุด เธอให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังไม่โดนสารอันตรายทำร้ายผิว ก็อย่าชะล่าใจกัน เพราะอาจมีศัตรูตัวใหม่ที่มีฤทธิ์ร้ายซุกซ่อนอยู่ ทางที่ดีเราควรยึดหลัก “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยควรมีประสิทธิภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไป และกระบวนการผลิตต้องมีความน่าเชื่อถือ อย่าปล่อยให้คำโฆษณาชวนเชื่อ เช่น “ขาวไว ทันทีที่ใช้” ยั่วยวนกิเลสจนห้ามใจไม่ไหว เพราะนั่นคือสัญญาณอันตรายที่จะนำพาผิวคุณไปพบกับหายนะในที่สุด

ที่มา : แนวหน้า (http://www.naewna.com/lady/247522)

แชร์หน้านี้

0